องค์การบริหารส่วนตำบลหนองปากโลง อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม

Jan

Feb

Mar

Apr

2023
2022
2021
2020
2019
2018
2017
2016
2015
2014

2025
2026
2027
2028
2029
2030
2031
2032
2033
2034

May - 2024

<==แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองปากโลง==>

ความคิดเห็นเกี่ยวกับกระทู้นี้

'มหิดล ศาลายา โมเดล' บทเรียนมหา'ลัย จัดการภัยพิบัติ

มหาอุทกภัยปี 2554 ได้สร้างความเสียหายอย่างกว้างขวาง พื้นที่ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เป็นหนึ่งในพื้นที่ภัยพิบัติรุนแรง มีน้ำท่วมสูง 1-2 เมตร กินระยะเวลายาวนาน แต่มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา ถือเป็นพื้นที่หนึ่งเดียวใน อ.พุทธมณฑล ที่น้ำเข้าไม่ได้และรอดพ้นจากอุทกภัย ในขณะที่รอบวิทยาเขตระดับน้ำสูง 60-100 เซนติเมตร ถนนบรมราชชนนีสูง 1.5 เมตร กลายสภาพเป็นทะเลสาบ การเดินทางต้องใช้รถทหารหรือเรือเท่านั้น��
�� การป้องกันน้ำและดูแลรักษาพื้นที่ที่เป็นความร่วมมือร่วมใจของอาจารย์ นักวิชาการ นักศึกษา จนกระทั่งลุงยาม พนักงานรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา �� ถือเป็นกรณีศึกษาควรค่าแก่การร่วมกันถอดบทเรียน และอาจเป็นโมเดลป้องกันน้ำในแง่การออกแบบคันดิน และพลังความสามัคคี รวมทั้งสถาบันการศึกษาจะดูแลช่วยเหลือชุมชนรอบด้านในสถานการณ์ภัยพิบัติ แล้วก็การระดมความรู้ทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อการป้องกันภัยพิบัติในอนาคตได้อย่างไร
�� รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม รองอิการบดีฝ่ายนโยบายและแผน มหิดล กล่าวในเวทีสัมมนา "ถอดบทเรียน...ป้องกันน้ำท่วมมหิดลศาลายาและการจัดการภัยพิบัติในอนาคต" เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ณ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหิดล ศาลายา ว่า มหิดล ศาลายา ปิดเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2554 และเปิดทำการวันที่ 6 ธันวาคม 2554 อ.พุทธมณฑล น้ำท่วมเต็มพื้นที่ รอบวิทยาเขตศาลายาน้ำท่วมสูง แต่เราสามารถปกป้องพื้นที่มหาวิทยาลัยไว้ได้ ช่วยรัฐประหยัดงบประมาณฟื้นฟูนับพันล้าน จากการถอดบทเรียนพบว่าภัยพิบัติไม่ใช่เรื่องไกลตัว ซึ่งไม่ใช่แค่อุทกภัย ยังรวมแผ่นดินไหว อัคคีภัย ไฟฟ้าดับ ระบบไอทีล่ม โรคระบาด แม้แต่สึนามิก็เคยเกิดขึ้นในเมืองไทยเมื่อ 7 ปีก่อน� จำเป็นต้องเตรียมตัวป้องกันและบริหารจัดการความเสี่ยง ส่วนแนวทางป้องกันน้ำเมื่อปี 2554 ของ ม.มหิดล ศาลายา เน้นคันดิน ทั้งคันดินถาวรเกือบรอบวิทยาเขตที่ทำมานานกว่า 1 ปี ปลูกต้นไม้บนคัน แนวคันดินใหม่ คูน้ำ กำแพงไม้ค้ำ ถุงทราย และกั้นคลื่น โดยเฝ้าระวังรักษา ตรวจตรา ไม่ประมาท แต่จากนี้ไปจะต้องทำแผนรับมือภัยพิบัติทุกรูปแบบ ทั้งด้านกายภาพ การเงิน การสื่อสารและบุคลากร��
�� "ทุ่งนา ถนน ไร่นา สวน กลายเป็นทะเลสาบ ชุมชนจมอยู่ใต้น้ำ แต่มหิดล ศาลายา สามารถป้องกันน้ำท่วมได้ ซึ่งเราตระหนักถึงคุณค่าของความเป็นมนุษย์ เห็นความทุกข์ยากของชาวบ้าน สะพานที่พ้นน้ำเป็นที่เลี้ยงหมา จอดรถปิกอัพ คนอาศัยนอน เลี้ยงหมู มหาวิทยาลัยต้องเข้าหาชุมชน เราเป็นพื้นที่แห้งจึงตั้งศูนย์พักพิงในอาคารอเนกประสงค์ มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ตรวจรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน จ่ายยาต่อเนื่อง ส่งต่อผู้ป่วย ให้คำแนะนำทางการแพทย์และทำกายภาพบำบัด เพราะมีกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่ยอมอพยพ ต้องใช้ชีวิตอยู่ในที่จำกัด พื้นที่ดูแลทั้ง อ.พุทธมณฑลและบางพื้นที่ของ จ.นนทบุรี ช่วงหนึ่งเดือนเราบริการผู้ป่วยมากกว่า 5,000 คน รวมทั้งสัตว์ด้วย การออกหน่วยแพทย์ก็มีแผนที่แสดงชุมชนเป้าหมายเพื่อกระจายการรักษาให้ทั่วถึง" รองอธิการบดีฝ่ายนโยบายและแผนกล่าว ซึ่งบทเรียนแต่ละด้านจากกรณีน้ำท่วมปีที่แล้วจะแปลงสู่การทำแผนรับมือภัยพิบัติระยะยาวของมหาวิทยาลัย นักรบกระสอบทรายจากมหิดล ศาลายา อีกคน ดร.สราวุธ เวชกิจ คณะวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวว่า การป้องกันน้ำท่วมก่อนน้ำมาของมหาวิทยาลัยได้ทำแนวกระสอบทรายประตูต่างๆ โดยตนรับผิดชอบทำแนวคันดินทิศเหนือซึ่งเป็นหนึ่งในจุดอ่อนของพื้นที่ จากบทเรียนน้ำท่วมได้รู้ศักยภาพของตนเอง รู้ศาสตร์ทางกล ศาสตร์ทางโครงสร้าง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี รู้เรื่องเครื่องมือต่างๆ เพื่อมาประยุกต์ เครื่องเชื่อม ดัด พับ รู้ความพร้อมของอาจารย์และเจ้าหน้าที่ รู้ว่าใครจะเดือดร้อนหากน้ำเข้าท่วมพื้นที่ รู้สถานที่คือ ถิ่นที่อยู่ ถิ่นที่ตั้ง และยุทธภูมิ จากน้ำท่วมเรารู้ซึ้งถึงหัวใจคนสู้เพื่อไม่ให้สูญเสีย เพื่อให้มีหนทาง และพิสูจน์ความหวังที่มี เราหวังว่าต้องรอดหรือเอาอยู่ ซึ่งบทเรียนคราวนี้ชัดเจนหากรวมพลังกันสู้ได้ ในการป้องกันน้ำท่วมเน้นรู้เห็นสถานการณ์จริง มีการปรึกษาหาแนวทาง วางแผนปฏิบัติการและเฝ้าระวัง ที่สำคัญปรับเปลี่ยนตามสิ่งที่เอื้อ สิ่งที่มีและใช้การตัดสินใจเด็ดขาด เพราะสิ่งที่ดีที่สุดไม่ใช่ทฤษฎี
�� สำหรับแนวคิดในการป้องกันนั้น อาจารย์สราวุธอธิบายว่า การสร้างเสริมแนวป้องกันทำได้ 2 แนวทาง มีการป้องกันหน้าน้ำ สร้างคันดินใหม่ๆ แต่ก็มีการกัดเซาะจากคลื่นน้ำและแรงดันน้ำ ส่วนการป้องกันหลังน้ำได้เสริมแนวรับแรงเพื่อรักษาแนวกระสอบให้คงอยู่ โดยใช้ไม้อัดและไม้หน้าสามค้ำยันกระจายแรง ช่วงวันที่ 29 ตุลาคม-7 พฤศจิกายน เป็น 10 วัน แห่งความหวาดเสียว ที่แนวคันดินทิศเหนือความยาว 500-600 เมตร ตามแนวถนนศาลาธรรมสพน์
�� "แต่เราทำค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปตามสถานการณ์ เฝ้าระวัง ปรับเปลี่ยนวัสดุ เครื่องมือ กำลังคนตามศักยภาพที่มี แต่เมื่อน้ำรั่วซึมจึงมีแนวการเสริมการป้องกันคันดิน 5 ชั้น เริ่มจากไม้อัดที่หาได้ในคณะกดจมในดิน ผ้าใบปูทับหน้าไม้อัด ต่อมาวางแนวผ้าใบ ป้ายไวนิลแนวลวดหนามช่วยทอนแรงน้ำ แต่เอาไม่อยู่ เพราะแรงน้ำมหาศาล จึงวางท่อปูนเป็นแนวกำแพงลดแรงลูกคลื่น ชั้นสุดท้ายตั้งนั่งร้านกันชนด้วยแผ่นสังกะสี" อาจารย์สราวุธให้ภาพความแข็งแรงแนวปราการป้องกันน้ำ ทั้งยังสรุปทิ้งท้ายว่า เมื่อเกิดภัยพิบัติบทเรียนที่มีคุณค่า คือ การกลับสู่สามัญ เพราะในการป้องกันใช้เทคโนโลยีพื้นฐาน หลักการธรรมชาติก็อยู่รอดได้ เป็นพวกเครื่องมือพื้นฐานใช้ง่าย ซ่อมง่าย
�� ขณะที่ รศ.ดร.กัมปนาท ภักดีกุล คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหิดล ร่วมถอดบทเรียนน้ำท่วมด้วย ระบุว่า มหิดล ศาลายา รอดพ้นน้ำท่วมได้เพราะ 7 ปัจจัย คือ มีการออกแบบคันดินโดยสถาบันอาศรมศิลป์รอบมหาวิทยาลัย ถือเป็นผลงานชิ้นเยี่ยม นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังมีคลองล้อมรอบ 3 ด้าน ไม่ให้น้ำใหญ่ซัดเข้าโดยตรง เป็นสถานที่ที่เหมาะสมพอดี ทั้งคลองมหาสวัสดิ์ด้านทิศเหนือ คลองสามบาทด้านทิศตะวันตก คลองทวีวัฒนาด้านทิศตะวันออก อีกปัจจัยเรามีกำลังพลสามัคคีตามประตู มีผู้นำด้านทิศใต้จากดุริยางคศิลป์ที่ระดมกำลังพลจากภายนอกเข้ามาช่วย ทิศเหนือมีกำลังสำคัญ คือ โภชนาการ ทิศตะวันตกมีกำลังเป็นบริษัทที่ปรึกษาที่กำลังก่อสร้างในพื้นที่ ทิศตะวันออกคือวิศวกรรม และกำลังการกระจายของจากส่วนกลาง ผู้นำก็มีวิสัยทัศน์ตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูล การเฝ้าระวังแนวป้องกันเราแบ่งเวรยามทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยความเสียสละอดทน ทุกคนไม่ทอดทิ้งกัน
�� การที่มหาวิทยาลัยรอดพ้นจากน้ำท่วมครั้งนี้ นอกจากได้แนวป้องกันที่เรียกว่า "มหิดล ศาลายา โมเดล" แล้ว ยังได้รวบรวมข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเตรียมพร้อมรับมือ รวมถึงลดความสูญเสียชีวิตและเจ็บป่วยของประชาชนจากเหตุอุทกภัยด้วย
�� รศ.ประตาป สิงหศิวานนท์ คณบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล กล่าวในเวทีถอดบทเรียนว่า ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา น้ำท่วมเป็นภัยธรรมชาติที่สำคัญในประเทศไทย หากสรุปยอดผู้เสียชีวิตของประชาชนในมหาอุทกภัย ปี 2554 มีจำนวนถึง 813 คน ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2554 ถึงปัจจุบัน พื้นที่น้ำท่วม 58 จังหวัดจาก 76 จังหวัด ขยายวงกว้างมากขึ้น หากดูสาเหตุการเสียชีวิต จมน้ำ 372 คน หรือ 70% พลัดตกน้ำ 37 คน ถัดมาไฟฟ้าดูด 36 คน น้ำพัด 28 คน ดิน ถล่ม 14 คน และอื่นๆ ประเด็นที่น่าตระหนัก คือ ไฟฟ้าชอร์ต 36 ราย พบในเขตเมือง ภาคกลาง รวมถึง จ.นนทบุรี เป็นเรื่องจำเป็นที่ภาครัฐต้องปรับปรุงระบบตัดไฟให้มีประสิทธิภาพและเร่งให้ความรู้ความเข้าใจวิธีป้องกันตัวจากไฟฟ้าดูด ต่างจากยุโรปเมื่อเกิดภาวะน้ำท่วมไม่มีผู้เสียชีวิตจากไฟฟ้าดูด หรือคิดว่า 0% ขณะที่ไทยอยู่ที่ 6.8%
�� สำหรับผลกระทบด้านสุขภาพในภาวะน้ำท่วม คณบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อน บอกว่า โชคดีที่ไทยไม่เกิดโรคระบาดเหมือนในบังกลาเทศ ปากีสถาน หรือจีน ซึ่งมีคนเสียชีวิตมากเมื่อประชาชนอพยพมาอยู่ในศูนย์อพยพ แต่ชาวบ้านในพื้นที่น้ำท่วมเสี่ยงกับโรคฉี่หนู ตาแดง น้ำกัดเท้า โรคบิด ท้องร่วง ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม ไข้เลือดออก ไข้สมองอักเสบ ที่สำคัญเราสำรวจประชากร 647 คน พบว่า 422 คน ที่มีการสัมผัสน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ และมีปัญหาสุขภาพจิต มีความเครียดถึง 202 คน ซึ่งมีกรณีศึกษาน่าสนใจในประเทศอังกฤษ น้ำท่วมเมือง ปี 2511 พบว่าในช่วง 12 เดือน หลังน้ำท่วม คนในพื้นที่น้ำท่วมมีอัตราตายเพิ่มขึ้นอีก 50% ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ปลอดน้ำท่วมอัตราตายคงเดิม สาเหตุจากความเครียดและภูมิต้านทานต่ำ มีคนติดเชื้อเสียชีวิตมาก
�� นอกจากนี้ อาจารย์ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มว่า ช่วงน้ำท่วมในพื้นที่ได้มีทีมสำรวจน้ำและสำรวจประชาชนในพื้นที่ศาลายา ตรวจคุณภาพน้ำ ตรวจหาเชื้อโรคในน้ำ สำรวจปัญหาสุขภาพ สำรวจยุง แหล่งเพาะพันธุ์ยุง พาหะนำโรค เข้าสำรวจตามบ้าน ชุมชนรอบมหาวิทยาลัย หากตรวจพบเชื้อจะได้เตือนภัยทันการณ์
�� "การตรวจเชื้อในน้ำจากจุดเก็บตัวอย่างทั้งหมด 80 จุด 70 ตัวอย่าง เจอฉี่หนูถึง 40 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 57 แล้วยังพบเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ เชื้ออีโคไล และไข่พยาธิกลุ่มพยาธิปากขอ 80 ตัวอย่าง พบ 30 ตัวอย่าง อันตรายมาก เป็นเรื่องสำคัญที่ควรคำนึงหากน้ำจะท่วมอีก ต้องเร่งให้ความรู้ประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมต้องปกป้องร่างกาย ขาและเท้าให้สัมผัสน้ำโดยตรงน้อยที่สุด จะเดินลุยน้ำแบบปีนี้ไม่ได้" อาจารย์ประตาปเน้นย้ำเชื้อก่อโรคหลายชนิดที่ปนเปื้อนในน้ำท่วม��
�� อาจารย์ประตาปสรุปถึงปัญหาที่พบในช่วงน้ำท่วมทิ้งท้ายว่า มีทั้งปัญหาสุขภาพจิตและสุขภาพกาย มีโรคเกิดขึ้นระหว่างน้ำท่วมมากมาย โรคประจำตัวที่มีอยู่เดิมมีความรุนแรงมากขึ้น �� รวมถึงปัญหาการเข้าถึงบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข มีเชื้อโรคในน้ำท่วมอัตราที่สูง ยังพบปัญหาสิ่งแวดล้อม กำจัดขยะมูลฝอย ซึ่งบ้านเรายังขาดข้อมูลและการเก็บวิเคราะห์จากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไม่มีการเก็บข้อมูลที่เป็นระบบ ทำให้ขาดข้อมูลสนับสนุนการวางแผนเตรียมพร้อมรับมือผลกระทบด้านสุขภาพในภาวะน้ำท่วม.

โดย ส่วนสาธารณสุข (nongpaklong.org@hotmail.com) [ 24 ม.ค. 2555 15:57:04 , 182.53.81.82 ]

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกระทู้นี้

ชื่อ-นามสกุล*

อีเมล์*

กรุณาใช้เมล์ของ hotmail,yahoo,thaimail,gmail เท่านั้น

รูปภาพ

(ขนาดไม่เกิน 50 KB,นามสกุล jpg และ gifเท่านั้น)

ความคิดเห็น*

หน้าหลัก

นโยบายและแผนงาน

นโยบาย

ยุทธศาสตร์การพัฒนา

วิสัยทัศน์

แผนอัตรากำลัง

โครงงานและแผนงาน

รายได้และงบประมาณ

แผนพัฒนาท้องถิ่น

รายงานการประชุม

ผลการดำเนินงาน

ลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน

หน่วยงานและอำนาจหน้าที่

คณะผู้บริหาร

กองคลัง

กองช่าง

กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม

อํานาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตําบล (อบต.)

รายงานทางการเงิน

สถิติกองคลัง

งบทรัพย์สิน

งบรายรับ-รายจ่าย

งบทดลอง

งบเจ้าหนี้-ลูกหนี้

งบแสดงฐานะทางการเงิน

รายงานทางการเงิน

การป้องกันการทุจริต

สถานที่ท่องเที่ยว/OTOP

สถานที่สำคัญ

สินค้า OTOP

ข่าวสาร

ข่าวประชาสัมพันธ์

ข่าวประกวดราคา

ข่าวพัสดุ

ข่าวกิจกรรม

ข่าวภาษี

ข่าวย้อนหลัง

E-service

คำร้องทั่วไป

แบบคำร้องเรียน/ร้องทุกข์ การทุจริตและประพฤติมิชอบ

ช่องทางการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน

ช่องทางการตอบแบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก (EIT)

ติดต่อ อบต.